สางปัญหา "หนี้สินครู" สลาย "กับดัก" ฉุดรั้งจิตวิญญาณเบ้าหลอมเยาวชนไทย
“กล้วยไม้มีดอกช้า ฉันใด การศึกษาเป็นไป เช่นนั้น แต่ดอกออกคราวไร งามเด่น การศึกษาปลูกปั้น เสร็จแล้วแสนงาม”
บทกลอนของ “หม่อมหลวงปิ่น มาลากุล” ที่สะท้อนให้เห็นภาพการศึกษาและสภาพชีวิตของครู ที่เปรียบได้ดั่งดอกกล้วยไม้ ซึ่งนอกจากจะเป็นพืชที่อยู่ในที่สูง ทนต่อสภาพดินฟ้าอากาศแล้ว ยังไม่ร่วงโรยง่าย เปรียบเสมือนครูที่อยู่ทั่วแดนไทย ต้องอดทนต่อสู้เพื่ออุดมการณ์และอุทิศตนเพื่อการศึกษาของชาติ
จากวันนี้อีกเพียง 4 วันก็จะถึง “วันครู” 16 มกราคม 2559 “ทีมการศึกษา” ขอเจาะเวลาย้อนอดีตกลับสู่ช่วงปี 2558 ที่เพิ่งผ่านมาหมาดๆ เพื่อสะท้อนภาพ “แม่พิมพ์” บางส่วนที่ไม่สามารถปฏิเสธได้ หลังถูกสังคมวิพากษ์วิจารณ์ และตั้งคำถามอย่างหนักหน่วงต่อการทำหน้าที่ ว่า ครูได้เสียสละ ทุ่มเทจิตวิญญาณ เพื่อปลูกฝังความรู้และความดีให้กับลูกศิษย์อย่างเต็มความสามารถดั่งเช่นดอกกล้วยไม้แล้วหรือไม่ หรือเป็นเพียงดอกกล้วยไม้ที่เหี่ยวเฉารอวันร่วงโรย
ทั้งยังสะท้อนภาพหนึ่งในปัญหาสำคัญของครู ที่ส่งผลกระทบต่อการจัดการเรียนการสอน นั่นคือ ครูจำนวนไม่น้อยมัวพะวักพะวงอยู่กับปัญหาหนี้สินที่ล้นพ้นตัว แก้อย่างไรก็เหมือนวัวพันหลักไม่หลุดพ้นนั่นเอง
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
จากข้อมูลของศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ ทำเนียบรัฐบาล พบว่ามีครูกว่า 1,700 คน เดือดเนื้อร้อนใจหนัก ต้องมาร้องทุกข์ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้ช่วยเหลือกลุ่มครูทั่วประเทศที่เป็นหนี้วิกฤติ อันเป็นผลกระทบที่เกิดจากสำนักงานส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครู และบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) และกองทุนพัฒนาชีวิตครู ซึ่งที่ผ่านมาได้ผุดโครงการเงินกู้ต่างๆ ให้กับครูกู้มากมายเกินตัว ทำให้นายกรัฐมนตรีต้องสั่งการ พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ หาทางช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน
“...ครูต้องรับผิดชอบตัวเอง การล้างหนี้ให้ คงเป็นไปไม่ได้ รวมถึงให้ไปดูว่า เหตุใดครูจึงไม่ใช้หนี้เพื่อหาแนวทางแก้ไขในภาพรวมทั้งระบบ...” ประกาศิตจาก นายกรัฐมนตรี ย้ำชัดเจนในการแก้ปัญหาครูเป็นอย่างแรก
ขณะที่การรวบรวมข้อมูลของกระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.) พบว่า ครูและบุคลากรทางการศึกษาของ ศธ. มีหนี้สินจากการกู้เงินประมาณ 470,000 คน เป็นหนี้กับธนาคารออมสิน ประมาณ 470,000 ล้านบาท และเป็นหนี้กับสหกรณ์ออมทรัพย์ครูทั่วประเทศอีกกว่า 700,000 ล้านบาท ทั้งยังไม่นับรวมหนี้นอกระบบอื่นๆอีก จึงคาดว่า ครูและบุคลากรทางการศึกษาของ ศธ.ทั่วประเทศน่าจะมีหนี้สินรวมกันไม่น้อยกว่า 1.2 ล้านล้านบาท
เมื่อเจาะลึกในรายละเอียดก็พบว่า โครงการสวัสดิการเงินกู้การฌาปนกิจสงเคราะห์ช่วยเพื่อนครูและบุคลากรทางการศึกษา (ช.พ.ค.) เริ่มมีปัญหาหนี้สินค้างชำระตั้งแต่โครงการที่ 2-7 โดยพบว่า สถาบันการเงินที่ดำเนินโครงการดังกล่าวขาดการติดตามและแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง อีกทั้งยังเกิดภาวการณ์เลียนแบบไม่ชำระเงินกู้ เนื่องจากสถาบันการเงินจะหักชำระหนี้เงินกู้ค้างชำระจากเงินสนับสนุนสำนักงาน สกสค. และไม่มีการติดตามฟ้องร้องดำเนินคดีตามกฎหมาย ส่งผลให้มีผู้ค้างชำระมากถึง 66,281 ราย และมีแนวโน้มสูงจะเป็น NPL จำนวนมาก
และเพื่อขานรับนโยบายเร่งด่วนของนายกรัฐมนตรีในการแก้ปัญหานี้ ศธ.จึงเร่งหารือกับกระทรวงการคลัง และธนาคารออมสิน เปิดให้ครูที่เป็นหนี้ค้างชำระลงทะเบียนเพื่อเข้ามาตรการแก้ไขปัญหาหนี้สิน ซึ่งจำแนกมาตรการแก้ไขเป็น 4 กลุ่ม
“กล้วยไม้มีดอกช้า ฉันใด การศึกษาเป็นไป เช่นนั้น แต่ดอกออกคราวไร งามเด่น การศึกษาปลูกปั้น เสร็จแล้วแสนงาม”
บทกลอนของ “หม่อมหลวงปิ่น มาลากุล” ที่สะท้อนให้เห็นภาพการศึกษาและสภาพชีวิตของครู ที่เปรียบได้ดั่งดอกกล้วยไม้ ซึ่งนอกจากจะเป็นพืชที่อยู่ในที่สูง ทนต่อสภาพดินฟ้าอากาศแล้ว ยังไม่ร่วงโรยง่าย เปรียบเสมือนครูที่อยู่ทั่วแดนไทย ต้องอดทนต่อสู้เพื่ออุดมการณ์และอุทิศตนเพื่อการศึกษาของชาติ
จากวันนี้อีกเพียง 4 วันก็จะถึง “วันครู” 16 มกราคม 2559 “ทีมการศึกษา” ขอเจาะเวลาย้อนอดีตกลับสู่ช่วงปี 2558 ที่เพิ่งผ่านมาหมาดๆ เพื่อสะท้อนภาพ “แม่พิมพ์” บางส่วนที่ไม่สามารถปฏิเสธได้ หลังถูกสังคมวิพากษ์วิจารณ์ และตั้งคำถามอย่างหนักหน่วงต่อการทำหน้าที่ ว่า ครูได้เสียสละ ทุ่มเทจิตวิญญาณ เพื่อปลูกฝังความรู้และความดีให้กับลูกศิษย์อย่างเต็มความสามารถดั่งเช่นดอกกล้วยไม้แล้วหรือไม่ หรือเป็นเพียงดอกกล้วยไม้ที่เหี่ยวเฉารอวันร่วงโรย
ทั้งยังสะท้อนภาพหนึ่งในปัญหาสำคัญของครู ที่ส่งผลกระทบต่อการจัดการเรียนการสอน นั่นคือ ครูจำนวนไม่น้อยมัวพะวักพะวงอยู่กับปัญหาหนี้สินที่ล้นพ้นตัว แก้อย่างไรก็เหมือนวัวพันหลักไม่หลุดพ้นนั่นเอง
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
จากข้อมูลของศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ ทำเนียบรัฐบาล พบว่ามีครูกว่า 1,700 คน เดือดเนื้อร้อนใจหนัก ต้องมาร้องทุกข์ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้ช่วยเหลือกลุ่มครูทั่วประเทศที่เป็นหนี้วิกฤติ อันเป็นผลกระทบที่เกิดจากสำนักงานส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครู และบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) และกองทุนพัฒนาชีวิตครู ซึ่งที่ผ่านมาได้ผุดโครงการเงินกู้ต่างๆ ให้กับครูกู้มากมายเกินตัว ทำให้นายกรัฐมนตรีต้องสั่งการ พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ หาทางช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน
“...ครูต้องรับผิดชอบตัวเอง การล้างหนี้ให้ คงเป็นไปไม่ได้ รวมถึงให้ไปดูว่า เหตุใดครูจึงไม่ใช้หนี้เพื่อหาแนวทางแก้ไขในภาพรวมทั้งระบบ...” ประกาศิตจาก นายกรัฐมนตรี ย้ำชัดเจนในการแก้ปัญหาครูเป็นอย่างแรก
ขณะที่การรวบรวมข้อมูลของกระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.) พบว่า ครูและบุคลากรทางการศึกษาของ ศธ. มีหนี้สินจากการกู้เงินประมาณ 470,000 คน เป็นหนี้กับธนาคารออมสิน ประมาณ 470,000 ล้านบาท และเป็นหนี้กับสหกรณ์ออมทรัพย์ครูทั่วประเทศอีกกว่า 700,000 ล้านบาท ทั้งยังไม่นับรวมหนี้นอกระบบอื่นๆอีก จึงคาดว่า ครูและบุคลากรทางการศึกษาของ ศธ.ทั่วประเทศน่าจะมีหนี้สินรวมกันไม่น้อยกว่า 1.2 ล้านล้านบาท
เมื่อเจาะลึกในรายละเอียดก็พบว่า โครงการสวัสดิการเงินกู้การฌาปนกิจสงเคราะห์ช่วยเพื่อนครูและบุคลากรทางการศึกษา (ช.พ.ค.) เริ่มมีปัญหาหนี้สินค้างชำระตั้งแต่โครงการที่ 2-7 โดยพบว่า สถาบันการเงินที่ดำเนินโครงการดังกล่าวขาดการติดตามและแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง อีกทั้งยังเกิดภาวการณ์เลียนแบบไม่ชำระเงินกู้ เนื่องจากสถาบันการเงินจะหักชำระหนี้เงินกู้ค้างชำระจากเงินสนับสนุนสำนักงาน สกสค. และไม่มีการติดตามฟ้องร้องดำเนินคดีตามกฎหมาย ส่งผลให้มีผู้ค้างชำระมากถึง 66,281 ราย และมีแนวโน้มสูงจะเป็น NPL จำนวนมาก
และเพื่อขานรับนโยบายเร่งด่วนของนายกรัฐมนตรีในการแก้ปัญหานี้ ศธ.จึงเร่งหารือกับกระทรวงการคลัง และธนาคารออมสิน เปิดให้ครูที่เป็นหนี้ค้างชำระลงทะเบียนเพื่อเข้ามาตรการแก้ไขปัญหาหนี้สิน ซึ่งจำแนกมาตรการแก้ไขเป็น 4 กลุ่ม